SF - เลนส์
"เฮ้ย มึงอ่ะชื่ออะไร?" ผมหันไปมองตามเสียงเรียกนั้น เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันยืนค้ำศอกกับขอบปูนสะพานอย่างสบายอารมณ์ ผิวมันคล้ำแต่ก็ดูสะอาดสะอ้านเหมือนลูกคนมีเงินที่ไม่น่าอยู่ในละแวกนี้ อ่อ ผมว่าคำว่ารวยของพวกคุณกับของผมนี้ต่างกันมากอยู่นะ ในที่นี้อ่ะ มีเงินแบงค์พันเขาก็เรียกรวยแล้ว
"ถามทำไมวะ" ผมเลือกที่จะไม่ตอบ โลกไม่ได้สวยพอที่จะบอกข้อมูลตัวเองกับใครง่ายๆ แล้วอีกอย่างผมก็ไม่เคยเห็นหน้ามันด้วย
"ก็... อยากรู้" มันลิ่วตา มันไม่มีใครสอนกันหรอกว่าเวลาเจอคนแปลกหน้าชวนคุยแล้วจะต้องทำยังไง จบแค่ประถมหกก็ถือว่าเป็นบุญคุณสมองเขาละ ทุกวันนี้อ่านหนังสือพิมพ์ออกเขายังแอบดีใจเลย เรื่องการวางตัวอะไรทำนองนี้ด้นสดมาจากอินเนอร์และสัญชาตญาณล้วนๆ
แล้วเขาควรคุยอะไรกับมันดี?
ดูหน้าตามันก็น่าคบอยู่นะ ดูเป็นคนมีเงิน
"มึงไม่ใช่คนแถวนี้ใช่มั้ย?"
"ก็ไม่ใช่" ว่าละ มันไม่เหมือนเด็กสลัม
รองเท้าผผ้าใบอย่างดี จำไม่ผิดน่าจะเป็นของมียี่ห้อที่ตอนนั้นไอ้ญี่กับไอ้กล้ามันตบตีแย่งกันที่กองขยะ เห็นเขาบอกว่าคู่หลายพัน เสื้อมันก็ขาวสะอาดไม่มีรอยกระดำกระด่างสักจุด กางเกงมันก็ยีนส์แม้จะสีซีดแต่ดูก็รู้ว่าเพิ่งจะใส่ได้ไม่กี่ครั้ง
เขาบอกแล้วมันดูไม่มีความสลัมในตัวมัน
"ที่จริงบ้านกูอยู่ถัดสลัมนี่ไปอีกหน่อย"
เขาคิดว่าคงไม่มีใครเล่าเรื่องสลัมให้มันฟังแน่ๆ ไม่งั้นมันคงไม่มาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้ ดูสารรูปมันแล้วคดีปล้นชิงทรัพย์มีเปอร์เซนต์ที่จะเกิดขึ้นได้สูง เขามองหน้ามันรอมันพูดอะไรออกมาอีก แต่มันก็เงียบ
"แล้วมาทำอะไรแถวนี้"
"พอดีกูมาเดินรับลมหาแรงบันดาลใจอะไรนิดหน่อย กูคิดงานไม่ออก"
"กูไม่รู้จักในสิ่งที่มึงตามหาหรอก" ไอ้ของพรรค์นั้นกับที่พวกนี้นี่นะ
"กูก็คิดงั้น" แล้วมันก็เงียบไป
"แล้วมึงล่ะ มาทำอะไรตรงนี้" นั่นสิ เขามาทำอะไร? กับการยืนหายใจทิ้งบนสะพานยามตะวันคล้อยช่างเป็นสิ่งที่เขาไม่น่าทำ แน่นอนว่ามันเสียเวลาหากิน
บางทีเขาก็เบื่อ
"กูแค่เหนื่อย"
"มึงเหนื่อยเรื่องอะไร? เล่าได้นะเว้ยกูไม่บอกใครแน่ๆ อีกอย่างเรื่องของคนอย่างมึงคงไม่มีใครอยากรู้"
ก็จริง ไม่เห็นต้องคิดอะไรเยอะ
"กูเหนื่อยที่ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ มันมีความสุขนะ แต่มันก็ไม่มีความสุข" ชีวิตขาดๆแต่เขาก็ไม่ได้ต้องการอะไร
"กูไม่เข้าใจ"
เออ กูก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
"มึงเคยใช้ชีวิตแบบไม่มีใคร ไม่มีอะไร มีแค่ตัวมึงคนเดียวป่ะวะ?"
"ไม่" มันหันมาจ้องหน้าแล้วขมวดคิ้ว "มึงกำลังเป็นงั้นเหรอ?"
"อืม"
"ชีวิตแบบมึงคือสิ่งที่กูอยากได้มาตลอดเลยนะ โคตรน่าอิจฉา"
"ถ้ามึงเป็นกูมึงจะอิจฉาจนน้ำตาตกเลยล่ะ" กว่าจะผ่านอะไรมามันไม่ง่ายเลยสักนิด ชีวิตมันไม่ได้มีไว้ใช้อย่างเดียวหรอก มันทรมานตรงที่มันให้ความรู้สึกมาด้วยนี่แหละ
โคตรฉิบหายเลย
"ถ้ามึงไม่มีใคร ไม่มีอะไร" หันไปจ้องหน้ามันอีกรอบ สีหน้าจริงจังจนต้องกลั้นใจฟังคำต่ไป "ไปอยู่กับกูมั้ยล่ะ"
"กูไม่ได้รู้จักกับมึง" เขาตอบไปโดยไม่ต้องคิด
"เรื่องนั้นใครๆก็รู้จักกันได้ป่ะวะ ถึงยังไม่ได้สนิทสนมแต่มึงก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ อีกอย่างกูก็ไม่ได้จะให้มึงอยู่ฟรีๆด้วย"
"ทำอะไร"
"ไปเป็นแรงบันดาลใจกับแหล่งข้อมูลให้กู"
"ห้ะ?!" มันคือ
"ส่วนเวลาปกติมึงจะทำงานอะไรก็เรื่องของมึง"
พูดไปกูก็งงอยู่ดี
----------------------------------------------
"ถามทำไมวะ" ผมเลือกที่จะไม่ตอบ โลกไม่ได้สวยพอที่จะบอกข้อมูลตัวเองกับใครง่ายๆ แล้วอีกอย่างผมก็ไม่เคยเห็นหน้ามันด้วย
"ก็... อยากรู้" มันลิ่วตา มันไม่มีใครสอนกันหรอกว่าเวลาเจอคนแปลกหน้าชวนคุยแล้วจะต้องทำยังไง จบแค่ประถมหกก็ถือว่าเป็นบุญคุณสมองเขาละ ทุกวันนี้อ่านหนังสือพิมพ์ออกเขายังแอบดีใจเลย เรื่องการวางตัวอะไรทำนองนี้ด้นสดมาจากอินเนอร์และสัญชาตญาณล้วนๆ
แล้วเขาควรคุยอะไรกับมันดี?
ดูหน้าตามันก็น่าคบอยู่นะ ดูเป็นคนมีเงิน
"มึงไม่ใช่คนแถวนี้ใช่มั้ย?"
"ก็ไม่ใช่" ว่าละ มันไม่เหมือนเด็กสลัม
รองเท้าผผ้าใบอย่างดี จำไม่ผิดน่าจะเป็นของมียี่ห้อที่ตอนนั้นไอ้ญี่กับไอ้กล้ามันตบตีแย่งกันที่กองขยะ เห็นเขาบอกว่าคู่หลายพัน เสื้อมันก็ขาวสะอาดไม่มีรอยกระดำกระด่างสักจุด กางเกงมันก็ยีนส์แม้จะสีซีดแต่ดูก็รู้ว่าเพิ่งจะใส่ได้ไม่กี่ครั้ง
เขาบอกแล้วมันดูไม่มีความสลัมในตัวมัน
"ที่จริงบ้านกูอยู่ถัดสลัมนี่ไปอีกหน่อย"
เขาคิดว่าคงไม่มีใครเล่าเรื่องสลัมให้มันฟังแน่ๆ ไม่งั้นมันคงไม่มาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้ ดูสารรูปมันแล้วคดีปล้นชิงทรัพย์มีเปอร์เซนต์ที่จะเกิดขึ้นได้สูง เขามองหน้ามันรอมันพูดอะไรออกมาอีก แต่มันก็เงียบ
"แล้วมาทำอะไรแถวนี้"
"พอดีกูมาเดินรับลมหาแรงบันดาลใจอะไรนิดหน่อย กูคิดงานไม่ออก"
"กูไม่รู้จักในสิ่งที่มึงตามหาหรอก" ไอ้ของพรรค์นั้นกับที่พวกนี้นี่นะ
"กูก็คิดงั้น" แล้วมันก็เงียบไป
"แล้วมึงล่ะ มาทำอะไรตรงนี้" นั่นสิ เขามาทำอะไร? กับการยืนหายใจทิ้งบนสะพานยามตะวันคล้อยช่างเป็นสิ่งที่เขาไม่น่าทำ แน่นอนว่ามันเสียเวลาหากิน
บางทีเขาก็เบื่อ
"กูแค่เหนื่อย"
"มึงเหนื่อยเรื่องอะไร? เล่าได้นะเว้ยกูไม่บอกใครแน่ๆ อีกอย่างเรื่องของคนอย่างมึงคงไม่มีใครอยากรู้"
ก็จริง ไม่เห็นต้องคิดอะไรเยอะ
"กูเหนื่อยที่ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ มันมีความสุขนะ แต่มันก็ไม่มีความสุข" ชีวิตขาดๆแต่เขาก็ไม่ได้ต้องการอะไร
"กูไม่เข้าใจ"
เออ กูก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
"มึงเคยใช้ชีวิตแบบไม่มีใคร ไม่มีอะไร มีแค่ตัวมึงคนเดียวป่ะวะ?"
"ไม่" มันหันมาจ้องหน้าแล้วขมวดคิ้ว "มึงกำลังเป็นงั้นเหรอ?"
"อืม"
"ชีวิตแบบมึงคือสิ่งที่กูอยากได้มาตลอดเลยนะ โคตรน่าอิจฉา"
"ถ้ามึงเป็นกูมึงจะอิจฉาจนน้ำตาตกเลยล่ะ" กว่าจะผ่านอะไรมามันไม่ง่ายเลยสักนิด ชีวิตมันไม่ได้มีไว้ใช้อย่างเดียวหรอก มันทรมานตรงที่มันให้ความรู้สึกมาด้วยนี่แหละ
โคตรฉิบหายเลย
"ถ้ามึงไม่มีใคร ไม่มีอะไร" หันไปจ้องหน้ามันอีกรอบ สีหน้าจริงจังจนต้องกลั้นใจฟังคำต่ไป "ไปอยู่กับกูมั้ยล่ะ"
"กูไม่ได้รู้จักกับมึง" เขาตอบไปโดยไม่ต้องคิด
"เรื่องนั้นใครๆก็รู้จักกันได้ป่ะวะ ถึงยังไม่ได้สนิทสนมแต่มึงก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ อีกอย่างกูก็ไม่ได้จะให้มึงอยู่ฟรีๆด้วย"
"ทำอะไร"
"ไปเป็นแรงบันดาลใจกับแหล่งข้อมูลให้กู"
"ห้ะ?!" มันคือ
"ส่วนเวลาปกติมึงจะทำงานอะไรก็เรื่องของมึง"
พูดไปกูก็งงอยู่ดี
----------------------------------------------
Comments
Post a Comment